การแพทย์ทั่วไปในปัจจุบันมักมองข้ามต้นตอของความชรา ซึ่งนำไปสู่โรคหรือภาวะเรื้อรังหลายอย่างที่เรียกว่า 'โรคที่เกี่ยวข้องกับวัย' ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ มะเร็ง โรคทางเมตาบอลิซึม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น และโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของระบบประสาท ตัวอย่างเช่น โรค พาร์กินสัน ซึ่งแต่ละโรคส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่แตกต่างกัน แนวทางมาตรฐานในการรักษาอาการเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การจัดการกับอาการทันทีที่อาการเกิดขึ้น และยืดระยะเวลาที่สุขภาพเสื่อมถอยลง  แต่การแพทย์แนว Longevity  Medicine จะเน้นการชะลอและลดความเสี่ยงในการเกิดโรค ป้องกันความเจ็บป่วยเรื้อรังตามการดำเนินโรค และการเกิดโรคซ้ำ การดูแลโรคแนวนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อยืดอายุและทำให้ช่วงของชีวิตที่มีสุขภาพที่ดียืนยาวขึ้น

การแพทย์แบบดั้งเดิมแม้จะมีความแม่นยำ แต่โดยทั่วไปจะประเมินผู้ป่วยตามความปกติในช่วงอายุนั้นๆ โดยมองข้ามความแตกต่างระหว่างบุคคล ในทางตรงกันข้าม  การแพทย์ แบบ Longevity Medicine ต้องอาศัยการดูแลเฉพาะบุคคลโดยอาจอาศัยข้อมูลจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) แทนที่จะเปรียบเทียบผู้ป่วยกับค่าเฉลี่ยทางสถิติตามกลุ่มอายุ ก็จะมุ่งเน้นไปที่การลดช่องว่างระหว่างสมรรถภาพทางร่างกายของแต่ละบุคคลในปัจจุบันและสมรรถภาพทางกายที่เหมาะสมที่สุด นอกจากนี้ AI ยังช่วยในการสร้างกลยุทธ์ในการดูแลสุขภาพเพื่อลดช่องว่างนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้ AI ในการแพทย์สมัยใหม่ สามารถใช้ฐานข้อมูลที่มีทั้งหมดมาแปลผล และแนะนำการตรวจ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของประสิทธิผลสูงสุด (cost effectiveness) รวมทั้งช่วยหาตัวชี้วัดต่อสุขภาพที่เหมาะสมลงลึกถึงระดับโมเลกุล เพื่อใช้ในการชะลอวัย หรือทำให้อายุยืนยาวแบบมีสุขภาพดีได้

“ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์" เป็นคลินิกชั้นนำในกรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งให้บริการดูแลสุขภาพและความงามทุกมิติ บนพื้นฐานของเวชศาสตร์ชะลอวัย เพื่อการมีอายุยืนยาว

📍สอบถามหรือทำนัดหมายเพิ่มเติม
Add LINE: @vitallife_wellness or Click 
📞Call: 02-066-8899